วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

แก้วค็อกเทล

แก้วค็อกเทล


เครื่อง ดื่มแต่ละชนิดจะมีแก้วเฉพาะเป็นของคู่กัน เครื่องดื่มที่ใส่แก้วที่ถูกต้องนอกจากจะทำให้เครื่องดื่มดูสวยงามแล้ว ยังทำให้เราสามารถได้รับรู้รสชาติของเครื่องดื่มที่แท้จริงได้มากที่สุด ยกตัวอย่าง ถ้าเสิร์ฟเบียร์ในแก้วกาแฟจะทำให้เราไม่เห็นสีสันอันสวยงามของเบียร์ และแน่นอนยังส่งผลให้เราดื่มเบียร์ไม่อร่อยอีกด้วย ถ้าเราดื่มไวน์ในแก้วไฮบอลล์ (แก้วทรงกระบอก) เราก็ไม่สามารถรับกลิ่นและรสชาติทั้งหมดของไวน์แก้วนั้นได้
แก้วที่ใช้จะ ต้องมีรูปทรงสวยงาม ขนาดพอเหมาะกับปริมาณของเครื่องดื่ม ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป สีของแก้วไม่ควรบดบังสีของเครื่องดื่ม ดังนั้นแก้วที่มีสีจึงไม่ควรใช้ เมื่อเทเครื่องดื่มลงแก้วควรจะห่างจากขอบแก้วประมาณ 1 เซนติเมตร จึงจะเป็นแก้วที่เหมาะกับปริมาณเครื่องดื่มแก้วนั้น

แก้วในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 4 ประเภท

1. แก้วทรงกระบอก Tumbler
เป็นแก้วที่ใช้มากที่สุด ขนาดจะแตกต่างกันไป แต่ละขนาดจะมีชื่อแตกต่างกัน

บางครั้งชื่อเหมือนกันแต่ผลิตคนละบริษัท ขนาดของแก้วอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่จะไม่เกิน 2-3 ออนซ์
-โอนด์แฟชั่น (Old Fashioned) ขนาด 6-8 ออนซ์
-ไฮบอลล์ (Highball) ขนาด 8-10 ออนซ์
-ลอง ดริ้ง (Long Drink) ขนาด 14-16 ออนซ์

2 .แก้วมีฐานรองรับ (Footed Glass)
ก้นแก้วจะมีก้านสั้นมาก หรืออาจไม่มีก้านเลยตั้งอยู่บนฐานรองรับ เช่นเดียวกับแก้วทรงกระบอกมีหลายขนาด แต่ละขนาดจะมีชื่อที่แตกต่างกัน
- เฮอร์ริเคน (Hurricane) ขนาด 20-22 ออนซ์
- บรั่นดี สนิฟเฟอร์ (Brandy Sniffer) ขนาด 12-14 ออนซ์

3 แก้วมีก้าน (Stemed Glass)
เป็นแก้วที่มีก้านยาวสวยงาม มีฐานรองรับ มีหลากหลายขนาดและชื่อ
- มาร์ตินี่ (Martini) ขนาด 2-4 ออนซ์
- แชมเปญ ฟลุท (Champagne Flute) ขนาด5-6 ออนซ์

4 แก้วที่มีหู (Mug)
เป็นแก้วที่ค่อนข้างหนา มีหูจับ ใช้สำหรับเสิร์ฟ

*-* *-*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น